เดวิด มอยส์ เรียก คืนความมั่นใจก่อน ฟุตบอล

   

ฟุตบอล : งวดเข้ามาทุกขณะ สำหรับศึกลูกหนังแห่งมวลมหาประชาชนอย่าง "พรีเมียร์ลีก" โดย ณ เวลานี้ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.สาวก "เดอะ ค็อป" ได้เฮฮาร่าเริงกันถ้วนหน้า เมื่อ ลิเวอร์พูล ผงาดง้ำค้ำฟ้า คั่วตำแหน่งจ่าฝูงมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยฟอร์มการเล่นอันคงเส้นคงวา บวกกับเกมรุกอันน่าเกรงขาม ทำให้ฤดูกาลนี้ "หงส์แดง" ขยับเข้าใกล้สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าแชมป์พรีเมียร์ลีก มากขึ้นทุกขณะ นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่น 1 เก่า เมื่อฤดูกาล 1992-93 เหลือระยะทางให้พิสูจน์อีกแค่ 6 นัดเท่านั้น ความฝันของ "เร้ด แมชชีน" ก็จะเป็นจริงภายใต้เงื่อนไขให้ แมนฯ ซิตี้ ที่เหลือเกมในมืออีก 2 นัด พลาดบ้างอะไรบ้าง แล้วต้องไม่สะดุดขาตัวเองล้มด้วย  

เดวิด มอยส์ The Chosen One เหมือนดังบทนิยายจากเบื้องบนเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องให้ 2 คู่ปรับตัวฉกาจเดินใน 2 เส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยมีความสำเร็จ และอันดับตารางคะแนนเป็นเดิมพันธ์ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล กำลังเดินทางเข้าสู่ยุคทองผ่องอำไพ สว่างไสวไปทั่วเมือง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับกำลังตกต่ำย่ำแย่หลังสิ้นยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน "โรงละครแห่งความฝัน" เหมือนจะสิ้นมนต์ขลัง กลายเป็น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รีสอร์ท & สปา ของบรรดาผู้มาเยือนได้เหยียบย่ำซ้ำเติมกันมันเท้า แต่ก็ใช่ว่าจะเสร็จสมอารมณ์หมายแด่ "กลุ่มเพื่อนมอยส์" เสมอไป ในเมื่อเกมล่าสุด แมนฯ ยูฯ เพิ่งเปิดบ้านซัดไม่ยั้งใส่ แอสตัน วิลล่า ไปแบบสบายอุรา 4-1  

แฟนบอลจ้างเครื่องบินติดป้ายขับไล่ มอยส์ ก่อนเกมกับ วิลล่า จากการที่ได้โอกาสเซิ้งแข้งเป็นคูแรกในวันเสาร์ กอปรกับการที่ เดวิด มอยส์ หมดความชอบธรรมที่จะคุมทีมต่อไปในสายตา "เร้ด อาร์มี่" บางกลุ่มถึงขั้นลงขันจ้างเครื่องบินติดป้ายประท้วงขับไล่ "ผู้ถูกเลือก" ในใจความว่า "Wrong one - Moyes out" และนั่นกลายเป็นไฮไลท์ก่อนเกมที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ แต่ก็คงไม่สลักสำคัญเทียบเท่าเกมการแข่งขันในสนาม เหมือนดังฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางกบาล มอยส์ ในเมื่อ วิลล่า ขึ้นนำแต่ต้นเกมจากฟรีคิกของ แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด ตอกย้ำป้ายขับไล่เหมือนจะใช้ได้ผล ความกดดันถาโถม รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แดดส่องเต็มฟ้า กลับปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกครึ้ม  

แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด ยิงฟรีคิกให้ วิลล่า นำแต่ต้นเกม แต่หลังจากที่ เวย์น รูนี่ย์ โขกประตูตีเสมอให้หลังอีก 7 นาที สัญญาณชีพที่อ่อนระโหยโรยแรงเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาขึ้น แววตาเป็นประกายส่งสัญญาณเตือน "สิงห์ผงาด" ว่า "กูกลับมาแล้ววว" เป็นไปตามคาดแข้ง "อสูรแดง" พยายามเดินหน้าบุกใส่ทุกทิศทาง การประสานงานกันอย่างลงตัวระหว่าง ชินจิ คากาวะ ซามูไรผู้ถูกลืม กับ ฆวน มาต้า กระทิงค่าตัวแพง นำมาซึ่งจุดโทษเป็นประตูนำ 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก งานเริ่มง่ายในช่วง 45 นาทีหลัง แม้สถานการณ์เหมือนกับบีบให้ต้องยิงเพิ่ม เมื่อลูกกลางอากาศของ คริสติย็อง เบนเตเก้ ยังเล่นงานแนวรับของ "ผีแดง" อยู่ได้เรื่อยๆ  

 ฆวน มาต้า ยิงประตูแรกในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ยิ่งลูกทีมของ พอล แลมเบิร์ต บุกแลกสู้มากเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนเป็นการเปิดพื้นที่ให้แนวรุก แมนฯ ยูฯ ทำงานได้สะดวกโยธินมากยิ่งขึ้น กระทั่ง ฆวน มาต้า ยิงประตูปลดล็อกในนาที 57 ซึ่งเป็นลูกแรกของเจ้าตัว นับตั้งแต่เปลี่ยนเสื้อเป็นสีแดงในช่วงปลายเดือนม.ค. เกมของ แมนฯ ยูฯ เริ่มผ่อนคลาย วิลล่า หมดมุกจะตอบโต้ เดวิด มอยส์ ได้โอกาสหมุนตัวผู้เล่นสำรองลงสนาม ส่ง อัดนาน ยานาไซ ลงมาเลื้อยแทน ชินจิ คากาวะ แทนที่จะเป็น แอชลี่ย์ ยัง ที่น่าจะถูกถอดมากกว่าตามความเห็นของสาวก แต่หากมองในทางกลับกัน การถอด คากาวะ ออกมาพัก เหมือนเป็นการวางแผนล่วงด้วยมันสมองอันแยบคายของ มอยส์ เพื่อให้ร่างกายของเพลย์เมกเกอร์เลือดปลาดิบ พร้อมที่จะดวลแข้งกับทีมต่างดาวสาขาสองอย่าง บาเยิร์น  

เจอ บาเยิร์น เอาไงดีคับ ป๋ากิ๊กส์? เช่นเดียวกับ เวย์น รูนี่ย์ ได้โอกาสพักหายใจหายคอในช่วง 15 นาทีสุดท้าย หลังกรำศึกหนักมาหลายแมตช์ ซึ่งผู้ทดแทนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ ยิงประตูปิดกล่องให้ทีมในช่วงทดเจ็บ เป็นประตูที่ 3 ในซีซั่นนี้ของเจ้าตัวเท่านั้น จากโอกาสลงสนามอันน้อยนิด จากชัยชนะ ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เหนือทีม "สิงห์ผงาด" ท่วมท้น 4-1 อาจมิใช่ดัชนีชี้วัดว่าขุนพล "ปีศาจแดง" มีพลังทำลายล้างเหนือกว่าแข้ง "เสือใต้" แชมป์ลีกเบียร์ที่ตกอยู่ในอาการ "แฮงค์โอเวอร์" หลังทำได้แค่เสมอ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 3-3 คา อัลลิอันซ์ อารีน่า เหนือสิ่งอื่นใด สภาพจิตใจสำคัญกว่าเป็นไหนๆ ชัยชนะนัดล่าสุดเหมือนเป็นการเติมพลังเติมเชื้อไฟภายในตัวให้คุกรุ่นเตรียม รับบททดสอบสำคัญกับ บาเยิร์น 1 เม.ย.นี้  

บาเยิร์น มิวนิค ด่านหินของ แมนฯ ยูฯ ใน ชปล. ในเมื่อจะไปหวังกับอันดับ 4 บนตารางคะแนนไม่ได้แล้ว จำต้องฆ่า "เสือใต้" ให้ดิ้นเท่านั้นถึงจะอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ "ยูซีแอล" เพื่อปูทางไว้ลุยถ้วยนี้ต่อในซีซั่นหน้า แม้โอกาสไปต่อจะน้อยนิดริบหรี่ โดยมีฝันลมๆ แล้งๆ เป็นตัวกำหนด แต่ในเมื่อสงครามยังไม่สิ้นสุด ก็อย่าหยุดซึ่งความหวัง

-จ่าตุ๊-

ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่

http://sport.sanook.com/football/

วิเคราะห์บอล ฟลอเรนซี่ ยิงตุงทดเจ็บ พาโรม่า พลิกนำ โตริโน่ 2:1 รั้งรองจ่ายาว

 

ฟลอเรนซี่ซัดตุงทดเจ็บพาโรม่าพลิกแซงโตริโน่2:1รั้งรองจ่ายาว

ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

วันอังคารที่ 25 มีนาคม 2557

โรม่า 2 : 1 โตริโน่

สนาม : โอลิมปิโก้

ผู้ตัดสิน: เมาโร แบร์กอนซี่

นาทีที่ 41 “หมาป่า”เฮกันลั่น หลังขึงเกมอยู่นานแสนนาน ในที่สุดก็ความพยายามก็ไม่สูญเปล่า หลังได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะ แชร์วินโญ่ แหวกว่ายผ่านผู้เล่นของ โตริโน่ กอนคิลเลอร์พาสทะลุช่องมาให้ เดสโตร หลุดเข้าดวลกับ ปาเดลลี่ ไม่มีพลาด สไลด์ตัวตักบอลข้ามตัวรายทวารรายนี้เข้าประตูไปอย่างสวยงาม [1:0] นาที ที่ 50 โตริโน่ ได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ วิเวส โยนบอลยาวข้ามฝั่ง มาหน้าประตู โรม่า ก่อน อิมโมบิเล่ ซัดด้วยซ้ายแบบไม่จับบอล พุ่งโค้งเข้าตาข่ายไปอย่างสวยงาม [1:1] ช่วงทดเวลลาบาดเจ็บเหมือนเกม จะจบด้วยผลสกอร์ที่เสมอกัน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หลังโรม่า ได้ประตูชัยในเฮือกสุดท้าย จากจังหวะ แชร์วินโญ่ จ่ายบอลออกซ้ายให้กับ ฟลอเรนซี่ แตะเข้ากลาง ก่อนยิงมุมแคบ บอลพุ่งเสยคานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม [2:1] โรม่า คว้าสามแต้มมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้ตอนนี้ทีมมีแต้มทั้งหมด 67 แต้ม รั้งรองจ่า แต่มีแต้มห่างจ่าฝูงอย่าง ยูเวนตุส อยู่ถึง 11 แต้ม ส่วน โตริโน่ ที่พลาดสาแต้มไปอย่างน่าเจ็บใจที่สุด ส่งผลให้ตอนนี้ทีมมีคะแนนรวมทั้งสิ้น 39 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตารางบอล รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม โร ม่า : มอร์กัน เด ซังค์ติส , ดั๊กลาก ไมค่อน , ราฟาเอล โตลอย , เลอันโดร คาสตาน , อเลสซิโอ รามาญอลี่ , มิราเล็ม ปานิช , ดาเนียเล่ เด รอสซี่ , ราดย่า เนียงโกลัน(อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ น.83) , แชร์วินโญ่ , มัตเตีย เดสโตร , ฟรานเชสโก้ ต๊อตตี้ โตริโน่ : ดานิเอเล่ ปาเดลลี่ , เชซาเร่ โบโว่ , คามิล กลิค , เอมิเลียโน่ โมเร็ตติ , นิโคล่า มัคซิโมวิช , จัสมิน เคอร์ติช , จูเซ็ปเป้ วิเวส , โอมาร์ เอล คาดดูรี่ , มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน , อเลสซานโดร แชร์ชี่ , ชิโร่ อิมโมบิเล่

ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่

http://sport.sanook.com/football/

วิเคราะห์บอล ชาลเก้ - เรอัล มาดริด

วิเคราะห์บอล กาลาตาซาราย - เชลซี

http://sport.sanook.com/football/

 

คลิป วีดีโอ กาลาตาซาราย - เชลซี

  วิเคราะห์บอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กาลาตาซาราย - เชลซี วัน: พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา: 02.45 น. สนาม: เติร์ก เทเลคอม ผู้ตัดสิน: การ์ลอส การ์บาโญ่ (สเปน) ถ่ายทอดสด: ทรูสปอร์ต 1 ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม กาลาตาซาราย 22/2/14 ตุรกีซูเปอร์ลีก กาลาตาซาราย 1-0 เบซิคตัส 17/2/14 ตุรกีซูเปอร์ลีก อันตัลยาสปอร์ 2-2 กาลาตาซาราย 12/2/14 เตอร์กีสคัพ กาลาตาซาราย 0-0 อันตัลยาสปอร์ 8/2/14 ตุรกีซูเปอร์ลีก กาลาตาซาราย 3-0 เอสคิเซเฮอร์สปอร์ 5/2/14 เตอร์กีสคัพ โทคัตสปอร์ 0-3 กาลาตาซาราย เชลซี 22/2/14 พรีเมียร์ลีก เชลซี 1-0 เอฟเวอร์ตัน 15/2/14 เอฟเอคัพ แมนฯ ซิตี้ 2-0 เชลซี 11/2/14 พรีเมียร์ลีก เวสต์บรอม 1-1 เชลซี 8/2/14 พรีเมียร์ลีก เชลซี 3-0 นิวคาสเซิล 3/2/14 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 0-1 เชลซี ผลงานการพบกัน 2 นัดหลังสุด 20/10/99 แชมเปี้ยนส์ลีก กาลาตาซาราย 0-5 เชลซี 28/9/99 แชมเปี้ยนส์ลีก เชลซี 1-0 กาลาตาซาราย ความพร้อม-สภาพทีม กาลาตาซาราย ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงตัวเก๋า จะเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกในการเจอกับทีมเก่า โดยจะจับคู่กับ บูรัค ยิลมาซ กองหน้าตัวหลักอีกคน โดยมี เวสลี่ย์ สไนเดอร์ รับหน้าที่ปั้นเกมรุกอยู่ข้างหลัง ขณะที่แนวรับน่าจะได้ ออเรเลียน เชดลู คืนความฟิตกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง หลังจากพักไป 3 นัด และ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ก็คงจะลงมายืนเป็นแบ็กขวาด้วยเช่นกัน โดยมี เซมีห์ คาย่า และ อเล็กซ์ เตเญส เป็นอีกสองตัวหลัก ส่วนแดนกลางมี เฟลิเป้ เมโล กับ เซลชุค อินาน เป็นตัวหลัก โดย เซย์ฮุน กูลเซลัม กับ เย็คตา คูร์ตูลุส ต้องเบียดลุ้นอีกตำแหน่งที่เหลือกัน ส่วนหน้าที่เฝ้าเสาจะเป็นของ เฟอร์นานโด มุสเลร่า ความพร้อม-สภาพทีม เชลซี เนมันย่า มาติช ติดคัพไทลงเล่นในแดนกลางนัดนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขณะที่ ออสการ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง เจ็บเล็กน้อยมาจากเกมลีกนัดล่าสุด และต้องรอเช็กความฟิตอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ดาวิด หลุยซ์ และจอห์น โอบี มิเกล ซึ่งมีปัญหาเจ็บรบกวนจนพลาดเกมเมื่อสุดสัปดาห์มาแล้ว ส่วน จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีม ฟิตกลับมาลงเล่นในเกมล่าสุดได้แล้ว และพร้อมเป็นตัวหลักในแนวรับของทีมต่อไป โดยแนวรุกอาจจะให้ ซามูเอล เอโต้ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าต่อไป แม้จะลงเตะมาติดต่อกันหลายนัด และอาจจะปรับทัพเล็กน้อยด้วยการให้ วิลเลี่ยน กับ เอด็อง อาซาร์ เป็นตัวรุกริมเส้นทั้งสองฝั่ง ส่วนแดนกลางจะส่ง แฟรงค์ แลมพาร์ด กับ รามิเรส ลงไปแพ็กร่วมกับ มิเกล หรือ หลุยซ์ วิเคราะห์รูปเกม กาลาตาซาราย ยังไม่เคยเอาชนะเชลซีได้ในการพบกัน 2 นัดก่อนหน้านี้ และมาเจอกันครั้งนี้เจ้าถิ่นมี โรแบร์โต้ มันชินี่ คุมทีมเจอกับทีมเก่า ซึ่งได้ โจเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมในซีซั่นนี้ และทั้งคู่ก็เคยคุมทีมอินเตอร์มาเหมือนกันอีก ทำให้เกมนี้คงจะต้องโชว์ฝีมือกันเต็มที่แบบไม่มีใครยอมใคร กาลาตาซาราย ได้เล่นในบ้านคงต้องพยายามชิงความได้เปรียบเอาไว้ให้ได้ก่อน เพราะเชลซีแม้จะผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นมาเป็นจ่าฝูงในลีกได้ แต่เกมก็ยังไม่ได้อันตรายมากเท่าที่เคยเป็น เกมนี้คงจะเล่นแบบเน้นความแน่นอนและรอจังหวะเข้าทำเมื่อมีโอกาส ทำให้เจ้าถิ่นน่าจะได้บุกมากกว่า และถ้าเด็ดขาดพอก็อาจมีลุ้นเบียดชนะได้เพื่อไปลุ้นต่อนัดสอง รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม: กาลาตาซาราย (4-3-1-2): เฟอร์นานโด มุสเลร่า; เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เซมีห์ คาย่า, ออเรเลียน เชดจู, อเล็กซ์ เตเญส; เซลชุค อินาน, เซย์ฮุน กูลเซลัม, เฟลิเป้ เมโล; เวสลี่ย์ สไนเดอร์; บูรัค ยิลมาซ, ดิดิเยร์ ดร็อกบา โค้ช: โรแบร์โต้ มันชินี่ เชลซี (4-3-3): ปีเตอร์ เช็ก; บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า; รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด; วิลเลี่ยน, ซามูเอล เอโต้, เอด็อง อาซาร์ ผู้จัดการทีม: โจเซ่ มูรินโญ่ ฮอตสกอร์: กาลาตาซาราย ชนะ 1-0 เกร็ดที่น่าสนใจ *กาลาตาซารายแพ้แค่ครั้งเดียวใน 19 นัดหลังสุด และแพ้ในบ้านเลยใน 16 นัดหลัง *กาลาตาซารายรักษาคลีนชีตได้ถึง 7 จาก 8 นัดหลังสุด โดยช่วงหนึ่งในนั้นไม่เสียประตูเลยถึง 614 นาที *เชลซีชนะเกมนอกบ้านแค่ 6 จาก 13 นัดหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 4) *เชลซียิง 6 และไม่เสียประตูเลยใน 2 ครั้งที่พบกับกาลาตาซารายในรายการนี้ ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่

วิเคราะห์บอล เรอัล ชาลเก้ - มาดริด

  วิเคราะห์บอล เรอัล ชาลเก้ - มาดริด

http://sport.sanook.com/football/

คลิป วีดีโอ เรอัล ชาลเก้ - มาดริด

วิเคราะห์บอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
เรอัล มาดริด - ชาลเก้
วัน: อังคารที่ 18 มีนาคม 2557
เวลา: 02.45 น.
สนาม: ซานติอาโก เบอร์นาบิว
ผู้ตัดสิน: เซอร์เก คาราซาเอฟ (รัสเซีย)
ถ่ายทอดสด: ทรูสปอร์ต 3

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
เรอัล มาดริด
15/3/14 ลา ลีกา มาลาก้า 0-1 มาดริด
9/3/14 ลา ลีกา มาดริด 3-0 เลบานเต้
2/3/14 ลา ลีกา แอต.มาดริด 2-2 เรอัล มาดริด
26/2/14 แชมเปี้ยนส์ลีก ชาลเก้ 1-6 มาดริด
22/2/14 ลา ลีกา เรอัล มาดริด 3-0 เอลเช่
ชาลเก้
14/3/14 บุนเดสลีกา เอาก์สบวร์ก 1-2 ชาลเก้
8/3/14 บุนเดสลีกา ชาลเก้ 4-0 ฮอฟเฟ่นไฮม์
1/3/14 บุนเดสลีกา บาเยิร์น 5-1 ชาลเก้
26/2/14 แชมเปี้ยนส์ลีก ชาลเก้ 1-6 มาดริด
21/2/14 บุนเดสลีกา ชาลเก้ 0-0 ไมนซ์
ผลงานการพบกันนัดหลังสุด
26/2/14 แชมเปี้ยนส์ลีก ชาลเก้ 1-6 มาดริด
ความพร้อม-สภาพทีม
เรอัล มาดริด
คาริม เบนเซม่า โขยกเขยกออกจากสนามในเกมลีกนัดล่าสุด ทำให้คงจะไม่ถูกเสี่ยงใช้งานในเกมนี้ และคงเป็น อัลบาโร่ โมราต้า ที่จะลงมายืนเป็นหัวหอกตัวเป้าแทน โดยมี คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวหลักในแผงรุกเช่นเดิม ส่วน เฆเซ่ จะได้โอกาสลงเล่นแทน แกเร็ธ เบล ขณะที่แผงกลางจะให้ ลูก้า โมดริช เป็นตัวหลัก พร้อมส่ง อิสโก้ กับ อาเซียร์ อิญาร์ราเมนดี้ ลงมาเล่นด้วย ส่วน เซร์คิโอ รามอส จะกลับมาเป็นตัวหลักในแนวรับ หลังพลาดเกมเมื่อสุดสัปดาห์เพราะเจ็บเล็กน้อย โดยจะลงเล่นมาเล่นคู่กับ ราฟาเอล วาราเน่ ส่วน ดาเนี่ยล คาร์บาฆัล น่าจะได้ยืนแบ็กขวาต่อไป แต่ก็มี นาโช่ เฟร์นานเดซ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก และแบ็กซ้ายจะเป็นโอกาสของ ฟาบิโอ โคเอนเทรา ส่วนหน้าที่เฝ้าเสาจะเป็น อิเคร์ คาซิญาส เช่นเดิมในถ้วยนี้
ความพร้อม-สภาพทีม
ชาลเก้
เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ชวดบู๊มาในสองนัดหลังสุดเพราะอาการบาดเจ็บ ทำให้ คิเนดู โอบาซี่ คงจะได้เป็นตัวขึ้นเกมทางฝั่งขวาต่อไป โดยมี มักซ์ ไมเยอร์ กับ จูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ เป็นอีกสองตัวหลักในแผงรุกแถวสอง ขณะที่หัวหอกตัวเป้าอาจจะพัก คลาส แยน ฮุนเตลาร์ เอาไว้ และส่ง อดัม ซาลาซ ลงมาทำหน้าที่แทน ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางน่าจะส่ง ลีออน โกเรทซ์ก้า ลงมายืนคู่กับ โรมัน นอยสตัดเตอร์ เพื่อพัก เควิน พรินซ์ บัวเต็ง เอาไว้ ขณะที่แนวรับอาจจะส่ง คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส ที่หายเจ็บกลับมาลงเล่นได้แล้ว ได้โอกาสลงมาเรียกความฟิตเพิ่มอีกนัด โดยอาจจะยืนคู่กับ โจล มาทิป หรือ เบเนดิคท์ โฮเวเดส หาก ทิม ฮูกลัดน์ ได้ลงมายืนแบ็กขวาในเกมนี้ ส่วนหน้าที่เฝ้าเสาคงจะเป็นของ ราล์ฟ เฟร์มันน์ ต่อไป
วิเคราะห์รูปเกม
มาดริดเข้ารอบไปครึ่งค่อนตัวแล้ว จากที่บุกไปถล่มชาลเก้มา 6-1 ในนัดแรก ทำให้เกมนี้จะพักนักเตะตัวหลักเอาไว้ใช้งานในเกมเอล กลาซิโก้ที่จะถึง แต่ด้วยนักเตะชุดสองก็ยังถือว่าราชันชุดขาวมีศักยภาพพอที่จะรับมือกับราชัน สีน้ำเงินได้ในเกมนี้ เพราะทีมเยือนเองก็ถอดใจไปแล้ว และคงจะไม่จัดเต็มลงเตะเช่นกัน แต่ก็ต้องสู้เต็มที่เพื่อกู้หน้าคืนมาบ้าง โดยไม่ยอมถูกถลุงง่ายๆ แน่ ทำให้นัดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าถิ่นจะเดินเกมบุกมากแค่ไหน แต่นัดนี้ยังน่าจะคว้าชัยเอาใจสร้างความมั่นใจได้อีกนัด
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
เรอัล มาดริด (4-3-3): อิเคร์ คาซิญาส; ดาเนียล คาร์บาฆัล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาเอล วาราเน่, ฟาบิโอ โคเอนเทรา; อิสโก้, อาเซียร์ อิญาร์ราเมนดี้, ลูก้า โมดริช; โฆเซ่, อัลบาโร่ โมราต้า, คริสติอาโน่ โรนัลโด้
โค้ช: คาร์โล อันเชล็อตติ
ชาลเก้ (4-2-3-1): ราล์ฟ เฟร์มันน์; ทิม ฮูกลันด์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส, คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส, เซอัด โคลาซินัค; ลีออน โกเรทซ์ก้า, โรมัน นอยสตัดเตอร์; คิเนดู โอบาซี่, มักซ์ ไมเยอร์, จูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์; อดัม ซาลาย
โค้ช: เยนส์ เคลเลอร์
ฮอตสกอร์: มาดริดชนะ 3-0
เกร็ดที่น่าสนใจ
*มาดริดสร้างสถิติยิงประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกติดต่อกันมาแล้ว 32 นัด
*คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ทำ 48 ประตูในการลงสนาม 39 นัดหลังสุด กับสโมสรและทีมชาติ
*ชาลเก้ยิงได้ 6 และเสีย 12 ประตูในการลงเตะ 4 นัดหลังสุดในทุกรายการ
*คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ทำ 8 ประตู ในการลงลงสนาม 9 นัด นับตั้งแต่หายเจ็บยาวกลับมา
ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่

วิเคราะห์บอล : หงส์แดงและเปโดร โรดริเกวซ

ฟุตบอล : เกมสำคัญที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีผลอย่างยิ่งกับความหวังในการลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ โดยทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นั้นได้พักมาเต็มๆและไม่ได้มีผู้เล่นตัวสำคัญหรือที่กำลังทำผลงานได้ดีได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมก่อนหน้าเกมในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้

ชัยชนะของ เชลซี เหนือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เมื่อวันเสาร์ในขณะที่ทีมในกลุ่มตามอย่าง ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้มีโปรแกรมลงเล่นในลีกทำให้สถานการณ์นับถึงตรงนี้เป็น เชลซี ที่นำโด่งอยู่ในตารางทิ้ง ลิเวอร์พูล ไป 7 คะแนนเรียบร้อยและแม้จะแข่งน้อยกว่าทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่หนึ่งเกมแต่ ลิเวอร์พูล แทบจะหมดสิทธิ์พลาดจริงๆกับเกมที่เหลืออยู่หากพวกเขาต้องการจะกลับมาครองแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990

ลิเวอร์พูล เคยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วในการเจอกันเกมแรกเมื่อตอนต้นฤดูกาล ผลงานของทั้งสองทีมในฤดูกาลนี้ถือว่า ลิเวอร์พูล นั้นดูจะทำได้ดีกว่าที่เห็นได้ชัดเลยก็คือผลงานในลีก โดยนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2014 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูล และ เชลซี เป็นเพียงสองทีมเท่านั้นที่ยังไม่แพ้ใครนอกจากนี้พวกเขายังไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บที่สร้างปัญหาให้กับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกมรับอาจจะเป็นสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส ต้องปรับต้องแก้กันอยู่ตลอดแต่การหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาของ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ และ เกล็น จอห์นสัน ทำให้แนวรับของทีมมีทางเลือกในการจัดทีมเพิ่มมากขึ้น

สเตอร์ลิ่ง เร่งทำผลงานเต็มที่เพื่อให้เข้าตา รอย ฮอดจ์สัน กับการจะติดทีมชาติอังกฤษไปฟุตบอลโลก

ผลบอลเหนือ เซาแธมป์ตัน 3-0 ถึงเซนต์ แมรี่ส์ นอกจากจะเป็นการเก็บคลีนชีตได้หนที่สองกับเกมนอกบ้านในลีกซีซั่นนี้ เรายังได้เห็น ลิเวอร์พูล ที่เกมรุกดุดันอีกครั้งนอกจากการเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลีกในภาพรวมแล้วพวกเขายังยิงประตูนอกบ้านได้มากที่สุด

เมื่อดูจากสถิติและตัวเลขในฤดูกาลนี้จะเห็นว่าผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล มีอยู่ 4 คนด้วยกันประกอบไปด้วยกัปตันทีม สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ดาวซัลโวของลีก หลุยส์ ซัวเรซ, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

จาก 28 เกมที่ลงเล่นไปแล้วในลีก เจอร์ราร์ด, ซัวเรซ, สเตอร์ริดจ์ และ สเตอร์ลิ่ง ช่วยกันทำประตูรวมไปแล้วกว่า 56 ประตูและยังช่วยกันแอสซิสต์ไปอีก 27 ครั้งโดยหากแยกเป็นสถิติรายบุคคลก็คงจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งฤดูกาลนี้มีโอกาสจะลุ้นทั้งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกและดาวซัลโวของยุโรป มีสถิติที่โดดเด่นที่สุดเมื่อลงเล่นไป 23 เกม (โดนแบนไป 6 เกมช่วงต้นฤดูกาล) แต่ดาวยิงอุรุกวัยก็ยังสามารถทำไปได้ถึง 24 ประตูในลีกกับอีก 10 แอสซิสต์

ด้าน ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งอาจจะต้องได้ดวลกันเองกับ หลุยส์ ซัวเรซ ในรอบแบ่งกลุ่มรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกกลางปีนี้ ลงเล่นไปทั้งสิ้น 20 เกมทำไปได้ 18 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ ตามมาด้วย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่รับหน้าที่เป็นตัวยิงจุดโทษหลักของทีมด้วย โดยจาก 24 เกมที่ลงเล่นไปในลีกซีซั่นนี้ เจอร์ราร์ด ทำไปแล้ว 8 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ ปิดท้ายด้วยน้องเล็กอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่กลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาลงเล่นไปทั้งสิ้น 24 เกมทำไปแล้ว 6 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์

แม้จะมีแนวรุกที่ลงตัวมากแล้วแต่ ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวว่าสนใจในตัว เปโดร โรดริเกวซ ของบาร์เซโลน่า 

ข่าวลือเกี่ยวกับผู้เล่นใหม่ๆยังคงมีให้ได้ติดตามกันเรื่อยๆครับเพราะยิ่ง ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีก็ยิ่งทำให้พวกเขาตกเป็นข่าวกับนักเตะดังๆเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ล่าสุดมีข่าวอัพเดตจากทางสเปนว่า บาร์เซโลน่า ทีมดังจากสเปนกำลังเตรียมจะเปิดโต๊ะเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ เปโดร โรดริเกวซ แนวรุกตัวสำคัญของทีมที่ทำไปแล้วถึง 17 ประตูจากทุกรายการแม้จะไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่องจากนโยบายหมุนเวียนผู้เล่นลงสนามของกุนซือคนใหม่อย่าง "เอล ทาทา" เคราร์โด้ มาร์ติโน่

ทั้งนี้สัญญาของดาวเตะทีมชาติสเปนวัย 26 ปียังเหลืออยู่กับ บาร์เซโลน่า อีกถึง 2 ปีแต่ทางทีม "เจ้าบุญทุ่ม" เกรงว่าจะโดนทีมดังทีมอื่นๆจ้องฉกตัวไปโดยนอกจากลิเวอร์พูลที่มีข่าวกับ เปโดร มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเพราะยังมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกทีมด้วยที่ต้องการตัวของ เปโดร เช่นกัน

ว่ากันว่าในสัญญาฉบับใหม่ที่ บาร์ซ่า เตรียมยื่นให้กับ เปโดร รับไว้พิจารณานั้น ดาวเตะซึ่งขึ้นชั้นมาเป็นตัวหลักให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรได้มานับตั้งแต่ปี 2009 จะได้ค่าเหนื่อยที่สูงขึ้นจากเดิมแน่นอนแต่มูลค่าของเงื่อนไขการฉีกสัญญาของเขาจะไม่ปรับเปลี่ยนไปไหนโดยจะยังคงเป็นตัวเลขที่สูงถึง 125 ล้านปอนด์

ที่ผ่านมา เปโดร ประสบความสำเร็จมากมายร่วมกับ บาร์ซ่า และ ทีมชาติสเปน โดยเขาคว้าแชมป์ ลา ลีกา มาแล้ว 4 ครั้งบวกกับแชมป์โคปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกอย่างละ 2 ครั้งรวมเข้ากับการช่วยทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกในปี 2010 และแชมป์ยุโรปสมัยที่สองติดต่อกันเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา

ปิดท้ายด้วยข่าวที่อาจจะไม่ได้ใหม่มากนักแต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ลิเวอร์พูล ได้คลอดโปรแกรมบางส่วนสำหรับช่วงปิดฤดูกาลนี้ออกมาแล้วโดยพวกเขามีกำหนดจะไปร่วมแข่งขันทัวร์นาเมนต์พิเศษในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่า อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ โดยจะมีทีมดังระดับโลก 8 ทีมมาเตะกันตามเมืองต่างๆทั่วสหรัฐอเมริกา

สำหรับการแข่งขันรายการนี้จะแบ่งเตะเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม เอ มี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ โรม่า ส่วนกลุ่ม บี นั้นนอกจาก ลิเวอร์พูล แล้วอีก 3 ทีมในกลุ่มนี้ก็มี แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอซี มิลาน และ โอลิมเปียกอส

โดยเกมแรกของ ลิเวอร์พูล ในรายการนี้จะเป็นการเตะกับ โอลิมเปียกอส ในวันที่ 27 ก.ค.ที่ชิคาโก้ ตามด้วยการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 30 ก.ค.ที่นิวยอร์ก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเจอกับ เอซี มิลาน ที่ นอร์ธ แคโรไลน่า ในวันที่ 2 ส.ค.

มาร์ค สุรเดช

ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่

แกเร็ธ เบล ค่าตัวแพงแซง โรนัลโด!

ทีวีออนไลน์

เรื่องเล่าเช้านี้ เจาะกีฬาเที่ยงวัน 23 สิงหาคม 2556

แกเร็ธ เบล ค่าตัวแพงเว่อร์ : ทำลายสถิติ โรนัลโด ตามที่แกเร็ธ เบล เตรียมย้ายไปสวมชุด “ราชันชุดขาว” และจะส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ด้วยค่าตัว  87 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,350 ล้านบาท)   ซึ่งทำลายสถิติ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายจากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีม เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกที่ 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) เมื่อปี 2009 แม้ว่าเบล ยังไม่ได้ลงสนามในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่นี้ที่เปิดฉากไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากบาดเจ็บ แต่ถูกแชะภาพระหว่างเข้าแคมป์เก็บตัวกับ สเปอร์ส ซึ่งสื่อช่างสังเกตุว่าทำไมถึงแต่งตัวคล้าย โรนัลโด กองกลางรีล มาดริด ไม่ว่าจะเป็นการสวมหมวกเบสบอลกลับหลัง และแว่นกันแดดทรงเอวิเอเตอร์ สำหรับ โรนัลโด แต่งตัวสไตล์นี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วน เบล ที่กำลังเป็นเป้าหมายของ รีล มาดริด จึงถูกแซวไปโดยปริยาย ซึ่งตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้จะปิดทำการวันที่ 2 ก.ย.นี้แล้ว ทำให้ต้องลุ้นว่าทั้งคู่จะได้เล่นร่วมกันในซานติอาโก เบร์นาบิว หรือไม่

ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่