Ads 468x60px

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บัวเต็งเบิ้ลมิลานต้อนพีเอสวี 3:0

บัวเต็งเบิ้ลมิลานต้อนพีเอสวี3:0ลิ่วแบ่งกลุ่มชปล.+คลิป 
บัวเต็งเบิ้ลมิลานต้อนพีเอสวี3:0ลิ่วแบ่งกลุ่มชปล.+คลิป
ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2013-14

รอบเพลย์ออฟ นัดสอง

วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2556

เอซี มิลาน 3 : 0 พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 

รอบเพลย์ออฟ นัดสอง(นัดแรกเสมอ 1-1)

สนาม : ซานซิโร

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตแท่นเบิร์ก


นาทีที่ 8 พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นได้โอกาสลุ้นทำประตูก่อน จากลูกโหม่งของทิม มาตาฟซ์ คริสเตียน อับเบียติต้องพุ่งปัดทิ้งไป

นาทีที่ 9 "ปีศาจเเดง-ดำ"เอซี มิลาน ได้ประตูขึ้นนำ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ก่อน 1:0 จากลูกยิงไกลอันสุดสวยของเควิน-พรินซ์ บัวเต็ง

นาทีที่ 18 มาริโอ บาโลเตลลี่ได้ลองยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลโด่งข้ามคานออกไป

นาทีที่ 20 อดัม มาเอร์ได้ฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวา คริสเตียน อับเบียติต้องพุ่งปัดบอลทิ้งไป

นาทีที่ 30 เควิน-พรินซ์ บัวเต็งจ่ายบอลให้กับริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่หลุดขึ้นไปยิงด้านฝั่งขวา บอลหลุดเสาเเรกออกไป

นาทีที่ 39 ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่เปิดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งขวา มาให้กับมาริโอ บาโลเตลลี่โหม่งบอลหลุดเสาสองออกไป

นาทีที่ 47 มัตเตีย เด ชีโย่สกัดบอลไม่ขาด บอลเลยมาถึงจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุมได้โอกาสยิงไปตรงคริสเตียน อับเบียติทุบทิ้งออกไปได้

นาทีที่ 55 สเตฟาน เอล ชาราวีเปิดลูกเตะมุมฝั่งขวา มาให้กับฟิลิปป์ เม็กแซสได้โหม่ง ก่อนมาริโอ บาโลเตลลี่จิ้มบอลเข้าไปตุงตาข่าย เอซี มิลาน นำห่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 2:0

นาทีที่ 75 มาริโอ บาโลเตลลี่ได้ลองยิงไกลจากเเถวสอง เยรูน ซูทต้องพุ่งปัดทิ้งไป

นาทีที่ 78 อันเดรีย โปลีไหลบอลจากด้านฝั่งขวา ให้กับเควิน-พรินซ์ บัวเต็งเติมเกมขึ้นมาด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะยิงเสียบเสาสองเข้าไป เอซี มิลาน นำห่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นด้วยผลบอล 3:0

จบเกม เอซี มิลาน เอาชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 3:0

รวมผลสองนัด "ปีศาจเเดง-ดำ"เอซี มิลาน เอาชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 4:1 ผ่านเข้าสู่รอบเเบ่งกลุ่มศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2013-14 ได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เอซี มิลาน ระบบ 4-3-3 :
ผู้รักษาประตู : คริสเตียน อับเบียติ
กองหลัง : อินยาซิโอ อบาเต้,คริสเตียน ซาปาต้า,ฟิลิปป์ เม็กแซส,มัตเตีย เด ชีโย่
กองกลาง : ไนเจล เด ย็องก์,ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่,ซัลลีย์ อาลี มุนตารี่
กองหน้า : เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง,มาริโอ บาโลเตลลี่,สเตฟาน เอล ชาราวี

พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ระบบ 4-3-3 :
ผู้รักษาประตู : เยรูน ซูท
กองหลัง : โยชัว เบรเน็ต,เจฟฟรี่ย์ บรูม่า,คาริม เรคิก,เยโทร วิลเล่มส์
กองกลาง : อดัม มาเอร์,สไตน์ ชาร์ส,จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม
กองหน้า : เมมฟิส เดปาย,ทิม มาตาฟซ์,ปาร์ค จี-ซอง

ส่วนผลคู่อื่น

เอซี มิลาน                   3 - 0     พีเอสวี    
เรอัล โซเซียดาด            2 - 0     ลียง    
มาริบอร์                       0 - 1     วิตอเรีย พิลเซ่น    
เซลติก                       3 - 0     ชัคเตอร์ ซารากานดี้    
เซนิตฯ                       4 - 2     ปากอส เฟเรยร่า

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แรมซี่ย์เหมาสอง! ปืนอัดเฟเนร์ฯ2-0รวมลิ่ว5-0:ชปล

แรมซี่ย์เหมาสอง! ปืนอัดเฟเนร์ฯ2-0รวมลิ่ว5-0:ชปล+คลิป 
แรมซี่ย์เหมาสอง! ปืนอัดเฟเนร์ฯ2-0รวมลิ่ว5-0:ชปล+คลิป

 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบเพลย์-ออฟ นัดที่ 2)

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556

อาร์เซน่อล 2 - 0 เฟเนร์บาห์เช่ 

(รวมผล 2 นัดอาร์เซน่อลเข้ารอบรวม 5-0)

สนาม : อาร์เซน่อล สเตเดี้ยม

ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เบลาสโก้ กาบาโย่ (สเปน)

เริ่มเกมครึ่งแรก

มาถึงนาทีที่ 12 ทีมเยือน เฟเนร์บาห์เช่ มีโอกาสลุ้นจาก คริสเตียน เลี้ยงบอลเข้าเขตโทษ จ่ายให้ มุสซา โซว์ ล้มตัวยิง แต่ไปติดแผงหลังอาร์เซน่อล บอลมาเข้าทาง ราอูล เมยเรเลส ยิงด้วยซ้ายระยะเผาขน ไปติด วอยเชียค เชสนี่ เซฟได้

และน. 25 เจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ได้เฮจนได้จาก ลูคัส โพดอลสกี้ หนีการสกัด ก่อนเปิดบอลเข้าเขตโทษถึง ธีโอ วัลค็อตต์ ก่อนจ่ายให้ อารอน แรมซี่ย์ ที่เสาสองแปจ่อๆตุงตาข่าย ทำให้อาร์ซน่อล นำ 1-0

น.32 อาร์เซน่อล มีลุ้นอีกครั้ง เมื่อ ลูคัส โพดอลสกี้ ผ่านบอลให้ อารอน แรมซี่ย์ กระชากบอลหนีการสกัดเข้ามาในกรอบเโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายให้ ชิรูด์ ซัดไปติดเซฟ โวลคาน เดมิเรล นายทวารเฟเนร์บาห์เช่

น.40 ทีมเยือน เฟเนร์บาห์เช่ ได้โอกาสลุ้นประตูบ้าง เมื่อ เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้ เลี้ยงบอลหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ วอยเชียค เชสนี่ ปัดบอลไปชนเสา ทำให้จบครึ่งแรก อาร์เซน่อลนำ 1-0

เริ่มเกมครึ่งหลัง

น.52 เฟเนร์บาห์เช่ เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ คริสเตียน ชิ่งให้ เอเมนิเก้ จ่ายต่อให้ เดิร์ค เค้าท์ ยิงระยะเผาขน แต่ไปติด นาโช่ มอนเรอัล ที่เข้ามาช่วยสกัดออกไปได้ทัน

น.61  เฟเนร์บาห์เช่ มีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ ราอูล เมยเรเลส จ่ายบอลให้ มุสซา โซว์ ได้จังหวะซัดบริเวณกรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

น.68 ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เกือบได้ลูกที่สอง จากจังหวะปั่นฟรีคิกฝั่งซ้าย ของ ธีโอ วัลค็อตต์ บอลพุ่งชนคานอย่างจัง

น.72 อาร์เซน่อลมาได้ประตูหนีห่างด้วยผลบอล 2-0 บอลเริ่มจาก ซาโนโก้ ส่งให้ แจ็ค วิลเชียร์ ทางด้านซ้าย ก่อนชิ่งไปที่คีแรน กิ๊บบ์ส จ่ายไปหน้าประตูให้ อารอน แรมซี่ย์ วอลเล่ย์เสียบมุมไกลอย่างสวยงาม

จบเกม 90 นาที อาร์เซน่อล ชนะ เฟเนร์บาห์เช่ ไป 2-0 รวมผลสองนัด "ปืนใหญ่"อาร์เซน่อล เข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยสกอร์รวม 5-0



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : วอยเชียค เชสนี่ - คาร์ล เจนกินสัน, บาการี่ ซาญ่า, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, นาโช่ มอนเรอัล - แจ็ค วิลเชียร์, อารอน แรมซี่ย์, ซานติ กาซอร์ล่า - ธีโอ วัลค็อตต์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, ลูคัส โพดอลสกี้

เฟเนร์บาห์เช่ : โวลคาน เดมิเรล (กัปตันทีม) - โกคาน โกนูล, บรูโน่ อัลเวส, เอเกเมน คอร์กมาซ, คาเนอร์ เออร์กิ้น - เซลซุค ซาฮิน, คริสเตียน บาโรนี่, ราอูล เมยเรเลส - เดิร์ค เค้าท์, เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้, มุสซา โซว์

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อาร์เซน่อล 2 - 0 เฟเนร์บาห์เช่

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รวมคนหน้าเหมือนนักฟุตบอล

รวมคนหน้าเหมือนนักฟุตบอล

 : เคยสังเกตไหมครับว่าเวลาเรามองหน้านักฟุตบอลแล้วมันรู้สึกคุ้นหู
คุ้นตายังไงชอบกลพอมาคิดให้ดีๆสุดท้ายทำให้อ๋อออกมาแบบอมยิ้ม
ผมจึงรวบรวมนักฟุตบอลที่หน้าละม้ายคล้ายคลึงคนดังมาให้ได้ชมกัน


   
   

ดูภาพเต็มๆได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/1205180/

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11

ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11 
ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11
ฟุตบอล : อย่าเพิ่งงงกับชื่อตอนของ "อารมณ์คมคาย" ในตอนนี้ ผมไม่ได้มาใบ้หวย เพราะมันเพิ่งออกไป เมื่อวันก่อน (16 ส.ค.) ผมไม่ได้พูดถึงหุ้นเพราะผมแทบไม่มีความรู้เรื่องแบบนี้อยู่ในหัวเลย 
แต่เลข "17" กับ "11"ในตอนนี้นั้นมันมีความหมายเกี่ยวกับทีมฟุตบอลสุดรักของผมอย่างอาร์เซน่อล หนึ่งในทีมบิ๊กโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างหาก
เนื่องจากนั่งไล่ดูบทความต่างประเทศเกี่ยวกับโลกลูกหนังไปเรื่อย แล้วไปเจอะสกู๊ปหนึ่งของ "Daily mail" สื่อชื่อดังของ อังกฤษ ซึ่งมีชื่อตอนที่ว่า "Arsenal have let 17 players go, brought in one (free) and start the season with 11 fit men... so what's going on, Arsene?" 
แปลเป็นไทยว่า "ปล่อยนักเตะออกจากทีมไป 17 คน ซื้อมาแค่ 1 (แบบฟรีๆ) เหลือนักเตะพร้อมลงเล่นในช่วงเปิดฤดูกาลแค่ 11 คน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาร์แซน (เวนเกอร์)??" แค่เห็นชื่อตอนก็จี้ใจดำเหลือหลาย ยิ่งพออ่านเนื้อความข้างในยิ่งข้องใจในตัวบรมกุนซือของทัพ "ปืนใหญ่" ยิ่งนัก
ชั่วโมงนี้ อาร์เซน่อล คือ 1 ใน 2 ทีมของพรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่เพิ่งจะคว้านักเตะได้แค่เพียงรายเดียว 
แถมรายเดียวที่ได้มาก็เป็นดาวรุ่ง ฝั่งทีมจากลอนดอนได้ ยาย่า ซาโนโก้ กองหน้าดาวรุ่งที่เพิ่งพาทีมชาติฝรั่งเศส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ยู 20 ได้ ส่วน แมนฯ ยูฯ ได้กองหลังดาวรุ่งชาวอุรุกวัยอย่าง กิเยล์โม่ บาเลร่า ที่ลงเล่นในทัวร์นาเมนท์เดียวกันมาร่วมทีม 
ส่วนที่เหลือ "แห้ว" เรียบ เพราะถ้าให้นับแบบล่าสุดจริงๆ อาร์เซน่อล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ เพิ่งอกหักกับการคว้าตัว หลุยส์ กุสตาโว่ กองกลางแซมบ้าของ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมลีก บุนเดสลีกา 
เยอรมันที่ตัดสินใจย้ายไปซบอก "หมาป่าเบียร์" โวล์ฟสบวร์ก เอสเฟา ทีมเพื่อนร่วมลีกที่ยอมจ่าย 17 ล้านยูโร (680 ล้านบาท) มากกว่าการต่อรองราคา ส่วน แมนฯยูฯ ภายใต้การนำของ เดวิด มอยส์ ก็ถูก เชส ฟาเบรกาส ห้องเครื่องของ บาร์เซโลน่า ปฏิเสธข้อเสนอทาบทามแบบไม่ใยดี โดยให้เหตุผลว่ายังต้องการค้าแข้งอยู่ในถิ่นคัมป์ นู ต่อไป
ไม่ขอเอื้อนเอ่ยถึงทัพ "ปีศาจแดง" แต่ขอจัดแรงๆ กับทีมรักอย่าง "เดอะ กันเนอร์ส" อาจเป็นเรื่องจริงที่ 17 นักเตะที่ถูกปล่อยตัวไม่ใช่แข้งสำคัญ ถึงขั้นไร้ประโยชน์ด้วยซ้ำ 
เพราะถ้าให้ไล่เรียงชื่อจริงๆ ทั้ง ชัค อเนเก้, อังเดร อาร์ชาวิน, มารูยาน ชามัคห์, ฟรานซิส โกเกแล็ง, เดนิลสัน, โยฮันน์ ฌูรู, เคร็ก อีสท์มอนด์, แชร์วินโญ่, วิโต้ มานโนเน่, เยอร์เนด เมียเด้, อิกนาซี่ มิเกล, อังเดร ซานโต๊ส, เซบาสเตียน สกิลลาชี่ และซานเชซ วัตต์ 
ต่างก็เป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ เวนเกอร์ ทั้งสิ้น แต่ในขณะที่ทีมคู่แข่งทั้งหลายต่างระดมเงินทุนมหาศาลเสริมทัพกันอุตลุต และเป็นข่าวครึกโครมมาตลอดช่วงที่ผ่านมา ผมอยากย้อนกลับไปถาม เวนเกอร์ เช่นกันว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเขามั่งเลยหรือ
ที่ต้องถามเช่นนี้ เพราะหากลองมองย้อนกลับไปไม่ต้องไกลมาก เอาแค่ฤดูกาลที่ผ่านมาก็พอ ฟอร์มการเล่นของทีม "นอร์ธ ลอนดอน" ก็กระท่อนกระท่อน ดีบ้างไม่ดีบ้าง 
ถึงขั้นต้องลุ้นคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลกันอยู่แล้ว ยังจะมามั่นใจกับทีมที่ตัวเองมีอยู่อะไรถึงเพียงนั้น ขรัวเฒ่าเลือดน้ำหอมให้สัมภาษณ์แบบอ่านแล้วต้องนั่งถอนหายใจว่า 
"ผมไม่เห็นด้วยที่ใครๆ บอกว่าเราอยู่ในช่วงเวลาที่หมดหวัง (เสริมนักเตะ) มีเวลาอีกตั้ง 18 วันกว่าตลาดซื้อ-ขายนักเตะจะปิดตัวลง และเราเองก็ยังมองถึงการเพิ่มศักยภาพของทีมเราอยู่ เรามองไปที่คุณภาพมากกว่าจำนวน และข้อเรียกร้องแรกคือต้องมีคุณภาพเหมาะสมที่จะเล่นกับ อาร์เซน่อล ได้ ใช่เรากำลังมองนักเตะราว 2-3 คน และถ้าเป็นไปได้ก็อาจมากกว่านั้น ผมเข้าใจในทุกความกังวล แต่อะไรจะสำคัญไปกว่าคุณภาพการเล่นในสนาม ดังนั้นอย่าสร้างวิกฤตทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย" 
และถ้าถามว่าทำไมต้องถอนหายใจ เพราะบทสัมภาษณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกปีในตลอด 8 ปีที่ "ปืนใหญ่" ไม่สามารถคว้าความสำเร็จใดๆ ได้เลย
อะไรคือ "ปริมาณ" อะไรคือ "คุณภาพ" บางครั้งมันอาจมีเส้นบางๆ มากั้นเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เหล่า "เดอะ กันเนอร์ส" อยากเห็นคือการเสริมนักเตะในตำแหน่งที่คิดว่ายังมีจุดบกพร่องทั้ง ผู้รักษาประตู, กองกลางตัวรับ, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ, แบ็กขวา และกองหน้า 
เท่าที่เกริ่นมานี่ก็เกือบจะครึ่งทีมเข้าไปแล้ว แถมที่มีอยู่ก็เหลือให้ใช้งานเพียงแค่ 11 รายเท่านั้น เพราะช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมาก็ต้องเสีย โธมัส แฟร์มาเล่น (3 สัปดาห์), และ มิเกล อาร์เตต้า (6 สัปดาห์) 
นั่นทำให้ไม่แปลกที่บรรดาสื่อแดนผู้ดีจะมองว่า อาร์เซน่อล ไม่มีทั้ง "ปริมาณ" รวมทั้ง "คุณภาพ" ในคราวเดียวกัน แม้ผมจะพอเข้าใจว่าบทเรียนของการซื้อนักเตะแบบลวกๆ ช่วงปี 2011 ของ อาร์เซน่อล นั้นไม่ค่อยน่าประทับใจนัก (ซื้อนักเตะถึง 12 รายแต่ใช้งานได้แค่ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ แค่คนเดียว) แต่ขึ้นชื่อว่า "จอมปั้นมือทอง" อย่าง เวนเกอร์ จะไม่มีนักเตะคนไหนที่ใกล้เคียงกับมาตรฐานของเขาเชียวเหรอ
บางครั้งผมก็ลังเลกับฉายา "นักปั้นมือทอง" ของ เวนเกอร์ เพราะที่ผ่านมานักเตะอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ยาย่า ตูเร่ หรือ แกเร็ธ เบล ต่างก็เคยมาแสดงฝีเท้าต่อหน้ากุนซือรายนี้มาแล้วทั้งนั้น 
แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่นักเตะของ อาร์เซน่อล ในที่สุด บางครั้งผมก็แอบคิดเอาเองว่าการที่ เวนเกอร์ เคยมีนักเตะอย่าง มาร์ค โอเวอร์สมาร์ส, ปาทริค วิเอร่า หรือ เธียรี่ อองรี และอีกหลายๆ สตาร์ชื่อดังในช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นแค่ "โชค" หรือ "บุญ" ของเขา 
และคนเรามันก็ย่อมมีวันบุญหมดเป็นเรื่องธรรมดา ตัวเขาเองเคยเปรยว่าผลงานของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้คือตัวชี้วัดอนาคตของตัวเองด้วย เนื่องจากเหลือสัญญาในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น และแม้ว่ายังจะไม่เปิดฤดูกาลก็ตาม แต่ก็พอคาดเดาได้ลางๆว่า ทัพ "ปืนใหญ่" อาจได้มีกุนซือคนใหม่คุมทีมในฤดูกาลหน้า หากยังไม่คิดจะเสริมใครในฤดูกาลนี้

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ศึกชิง เวย์น รูนี่ย์ ตัวหมากอันตรายพลิกขั้วอำนาจฟุตบอลอังกฤษ

ศึกชิง เวย์น รูนี่ย์ ตัวหมากอันตรายพลิกขั้วอำนาจฟุตบอลอังกฤษ 
ศึกชิง เวย์น รูนี่ย์ ตัวหมากอันตรายพลิกขั้วอำนาจฟุตบอลอังกฤษ
วิเคราะห์บอล : ในโลกของฟุตบอลนั้น ท่ามกลางสิ่งที่ยึดถือกันหลายสิ่งอย่าง มี "กฎทองคำ" ข้อหนึ่งที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นสิ่งเที่ยงแท้และอยู่เหนือกาลเวลา
"ห้ามปล่อยนักเตะให้กับคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด"

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คนในแวดวงลูกหนังต่างตระหนักรู้ และเข้าใจถึงมันเป็นอย่างดี และนั่นจึงทำให้เกิด "มหากาพย์" ของการเจรจาย้ายทีมที่ยืดเยื้อ ยาวนาน และยังไม่รู้ว่าจะจบลงตรงไหน

กรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ ลิเวอร์พูล และอาร์เซนอล นั่นเรื่องหนึ่ง
แต่กรณีที่มีความเป็นไปได้ว่าหากเกิดขึ้นแล้ว บางที "ขั้วอำนาจ" ของวงการฟุตบอลอังกฤษ อาจพลิกกลับจาก "เหนือ" ลงสู่ "ใต้" อีกครั้งคือ กรณีศึกชิง "เวย์น รูนี่ย์" ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี
อย่างที่ทราบว่าพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ 2013-14 กำลังจะได้ฤกษ์ฟาดแข้งกันในสุดสัปดาห์นี้นั้น เดิมก็ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเหล่าสโมสรระดับท็อป 6 ที่มีการ "ปรับโฉม" พอสมควร
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี ได้ผู้จัดการทีมใหม่
ขณะที่อาร์เซนอล ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และลิเวอร์พูล ต่างก็มีการปรับทัพเสริมทีมขนานใหญ่
นอกเหนือจากทีม "ปีศาจแดง" แล้ว ทีมที่เหลือทั้งหมดต่างรู้ดีว่า ฤดูกาลนี้คือโอกาสสำคัญที่สุดที่จะพลิกขั้วอำนาจ เพราะแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีมหาบุรุษอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้ลาจากไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว
โดยเฉพาะคู่แข่งสายตรงอย่าง เชลซี และแมนฯ ซิตี้ ซึ่งมีขุมกำลังพร้อมสรรพ ทั้งตัวผู้เล่น บารมี และอำนาจทางการเงิน ไม่มีโอกาสใดจะ "ถอนแค้น" ได้ดีเท่าปีนี้อีกแล้ว
ในฝ่ายของ "เรือใบสีฟ้า" พวกเขาเลือกที่จะบริหารจัดการเป็นการภายในอย่างเงียบๆตามสไตล์ของ มานูเอล เปเญกรินี่ ยอดกุนซือลูกหนังชาวชิลี ผู้ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ปราชญ์ลูกหนังชาวฝรั่งเศสที่ไม่นิยมการเป็นข่าวฮือฮาตามหน้าหนังสือพิมพ์
แต่การเสริมทัพด้วยนักเตะระดับ "A" อย่าง อัลบาโร เนเกรโด้, เฆซุส นาบาส, เฟอร์นันดินโญ่ และสเตวาน โยเวติช เป็นการ "ส่งสัญญาณ" ที่ชัดเจนว่าพวกเขา "พร้อม" จะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง โดยยังรอตบเกมรับให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งแว่วว่า มาร์ติน เดมิเชลิส คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายสำหรับ เปเญกรินี่
ขณะที่ฝ่าย เชลซี ลำพังการได้ โจเซ่ มูรินโญ่ กลับมาก็ทำให้มีการประเมินจากหลายฝ่ายว่าพวกเขา "เหนือกว่า" ทีมแชมป์อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่แล้ว อันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ายังมีคนไม่เชื่อ "น้ำยา" ของเดวิด มอยส์ อีกมาก
แต่ มูรินโญ่ ไม่ได้หยุดแค่นั้น และโคตรกุนซือชาวโปรตุเกส กำลังเล่น "เกมอันตราย" เพื่อล่อลวงให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องตกจากบัลลังก์
เกมอันตรายดังกล่าวยคือการชิงตัว เวย์น รูนี่ย์ มาจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด
แน่นอนว่า - ในขวบปีที่ "หมูพลิ้ว" ชักจะพลิ้วไม่ออก ฟอร์มการเล่นดร็อปลงอย่างค่อนข้างเห็นได้ชัดเนื่องจากถูก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เบียดบังบทบาท ย่อมมีคำถามคาใจสำหรับหลายคนว่า รูนี่ย์ ยังมีค่ามากขนาดนั้นอีกหรือ?
คำตอบคือ "ใช่" รูนี่ย์ มีค่ามากขนาดที่จะสามารถพลิกโฉมหน้าฟุตบอลอังกฤษได้เหมือนที่เคยพิสูจน์กับผลงานหลายปีที่ผ่านมา
ศักยภาพในตัวของนักเตะรายนี้มีมากมายมหาศาล แม้ในช่วงที่ฟอร์มการเล่นจะตกต่ำ แต่ "ระดับฝีเท้า" นั้นยังอยู่
ดังวลีอมตะในโลกฟุตบอล Form is temporary, class is permanent
รูนี่ย์ อาจไม่ได้อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เรื่องนี้เป็นที่เข้าใจกันได้ แต่ในอีกแง่ เขายังคงเป็นนักเตะจอมทุ่มเทคนเดิมที่พร้อมจะวิ่งพล่านไปทั่วสนาม ทุ่มเทจนหยดสุดท้าย และยังสามารถเปลี่ยนเกมได้ด้วยการเล่นเพียงเพลย์เดียว
ต่อให้ต้องเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดและไม่ชื่นชอบก็ตาม!
ความทรงอิทธิพลต่อเกมนี้คือคุณสมบัติพิเศษของยอดนักเตะฟุตบอล ซึ่งต่อให้พวกเขาจะไม่อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุด - เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่มีใครรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดได้ตลอดทุกฤดูกาล - แต่สิ่งเหล่านี้จะติดตัวกับพวกเขาไปจนตาย
ไม่ต่างอะไรจาก ไรอัน กิ๊กส์ ที่ยังคงสามารถช่วยเหลือทีมได้ แม้ในวัยใกล้ "หลักสี่" แล้วก็ตาม
นักเตะอย่าง รูนี่ย์ คือนักเตะที่เกิดมาเพื่อ "ชัยชนะ" เป็นคนที่สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีก่อนเกม เรียกสมาธิ และพร้อมจะทุ่มเทเต็มร้อยทุกนาทีที่ได้อยู่ในสนาม เป็นนักเตะที่เพื่อนรู้ว่าอยู่ในทีมก็อุ่นใจ โค้ชรู้ว่าอยู่ในสนามก็จะสามารถพลิกเกมได้
สิ่งเหล่านี้ใช่จะมีใน "ซูเปอร์สตาร์" ทุกคน
มูรินโญ่ รู้ว่าหากสามารถดึง รูนี่ย์ มาร่วมทีมได้ เชลซี จะเป็นทีมที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากยิ่งขึ้น เป็นแกนหลักของทีมร่วมกับ จอห์น เทอร์รี่ และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่อยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่งทางลูกหนังได้
ขณะเดียวกันก็เป็นการ "บั่นทอน" แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งในเรื่องของขีดความสามารถ และเรื่องบรรยากาศภายในทีม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เป็น "เคล็ดลับ" การทำทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทำให้หลายต่อหลายครั้งพวกเขาพิชิตชัยเหนือคู่แข่งได้ทั้งที่ศักยภาพของทีมด้อยกว่า
สำหรับรูนี่ย์ เขาได้ "หมดใจ" และ "หมดไฟ" กับแมนฯ ยูไนเต็ด แล้วอย่างชัดเจน ดังจะเห็นได้จากการหา "ข้ออ้าง" ที่จะไม่ลงเล่นให้กับทีมมาโดยตลอด แต่กลับลงสนามเป็น "ตัวจริง" ในเกมของทีมชาติอังกฤษได้โดยไม่ได้ดูมีอาการทางกายแม้แต่น้อย
ยอดศูนย์หน้าผู้นี้ขอแค่เพียงได้ย้ายทีม ได้รับค่าเหนื่อยที่พอใจ มีโอกาสประสบความสำเร็จ และเมื่อถึงเวลานั้น "รูนี่ย์" คนเดิมจะกลับมาเขย่าวงการฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง
ดังนั้น "ดีล" นี้จึงถูกมองว่าจะเป็นดีลสำคัญสำหรับตลาดฤดูร้อนของพรีเมียร์ลีก ดีลที่สามารถพลิกขั้วอำนาจจาก "แมนเชสเตอร์" กลับมาสู่ "ลอนดอน" อีกครั้ง
และนั่นคือเหตุผลว่าเหตุใด เดวิด มอยส์ ผู้ที่ลำพังต้องแบกรับภาระหนักอึ้งอยู่แล้วในการรับช่วงต่อจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงต้องพยายาม "เหนี่ยวรั้ง" อดีตลูกทีมซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้เป็นศิษย์-ครู ที่ผูกพันกันมาแต่อย่างใด อย่างถึงที่สุดขนาดนี้
โดยที่มี มูรินโญ่ นั่งไขว้ห้างบนเก้าอี้ผิวปากรอด้วยความสบายใจ
เพราะไม่ว่าจะคว้าตัวมาได้หรือไม่ เชลซี ก็ไม่ได้เดือดร้อน ความกดดันทั้งหมดอยู่ที่ฟากยูไนเต็ด ซึ่งนอกเหนือจากต้องรับมือกับข้อเสนอจากเชลซี พวกเขายังต้องเตรียมเจอ "ไม้ตาย" ของ รูนี่ย์ ที่พร้อมจะขอขึ้นบัญชีย้ายทีมเป็นครั้งที่ 3
และนั่นอาจมีน้ำหนักมากพอจะ "สั่นคลอน" โดยเฉพาะกับหัวใจแฟนผีที่คงไม่ปรารถนาจะรั้งตัวคนไม่มีหัวใจเอาไว้ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดต่อไป...

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เจ๊เหวงไม่หวั่นโดนปืนปลดกลางทาง

เจ๊เหวงไม่หวั่นโดนปืนปลดกลางทาง 
เจ๊เหวงไม่หวั่นโดนปืนปลดกลางทาง
ฟุตบอล : อาร์แซน เวนเกอร์ เผย ไม่หวั่นกระแสโดน ''ปืนใหญ่'' สั่งปลดกลางฤดูกาล หลังประเดิมพ่าย ลิลล่า 1-3 คารัง มั่นใจจะทำทีมให้ดีที่สุดได้ และการซื้อนักเตะเสริมทัพอาจไม่ช่วยแก้ปัญหา

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล พี่เบิ้มแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า ไม่หวั่นไหวกับกระแสข่าวเรื่องการโดนตะเพิดออกจากเก้าอี้ระหว่างฤดูกาล หลังประเดิมสนามไม่สวย พ่ายคาบ้านให้กับ แอสตัน วิลล่า 1-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา และมั่นใจว่า ความซื่อสัตย์ที่ปฏิบัติกับต้นสังกัดมาตลอดรวมถึงความพยายามที่จะทำทีมให้อยู่ในระดับสูงจะช่วยให้รอดพ้นวิกฤตไปได้ โดยการซื้อเพื่อเสริมทัพอาจไม่ใช่การแก้ปัญหา

กุนซือประจำถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ผู้ครองสถิติคุมทีมยาวนานเป็นอันดับ 2 ของแดนผู้ดีกล่าวว่า "เราอยู่ในโลกที่สื่อมีอิทธิพล และทุกคนมีความคิดเห็น ผมก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ตลอด 16 ปี ผมแสดงความซื่อสัตย์กับสโมสรมาตลอด ผมกังวลอยู่อย่างเดียวเรื่องการทำทีมให้ดี ตราบเท่าที่ผมอยู่ที่นี่ ผมอยากทำให้ดี ผมผิดหวัง (ที่แพ้) เพราะฤดูกาลที่แล้วใน 10 เกมสุดท้าย เราไม่แพ้ แต่กลับมาแพ้ในบ้านนัดแรก"

อย่างไรก็ตาม จอมแท็คติกชาวฝรั่งเศสยังเชื่อว่า การแก้ปัญหาด้วยการใช้เงินอาจไม่ใช่ทางออก "มันเสียหายมาก (ที่แพ้ วิลล่า) และการแก้ปัญหาไม่ใช่การนั่งลงคุยกันว่าเราจะซื้อเพื่อสร้างความสุข สิ่งสำคัญคือ เราต้องกลับมาเก็บชัยชนะด้วยนักเตะที่เรามีในสนามและทำอย่างที่เราทำในปีที่แล้วให้ต่อเนื่อง เรามีความทะเยอทะยาน มันเลยยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้"

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เชลซีบุกไปเอาชนะฮัลล์ ซิตี้ 2 - 0

เชลซีบุกไปเอาชนะฮัลล์ ซิตี้ 2 - 0 
เชลซีบุกไปเอาชนะฮัลล์ ซิตี้ 2 - 0
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน : จอน มอสส์ 
  2-0   ฮัลล์ ซิตี้




เริ่มเกม
นาทีที่ 2 เชลซี ได้ทักทายก่อน จากการยิงไกลนอกกรอบของ เควิน เดอบรุน แต่บอลโด่งออกหลังไป
นาทีที่13 เชลซีมาได้เฮจากจังหวะ เอแดน อาซาร์ จ่ายบอลให้ เควิน เดอบรุน ทะลุแผงหลัง ฮัลล์ ให้ ออสการ์ หลุดไปจิ้มบอลผ่านตัว อัลลัน แม็คเกรเกอร์ ตุงตาข่าย เชลซี 1 - 0 ฮัลล์ ซิตี้
นาทีที่25 เหล่าสิงห์บลูมาเฮอีกครั้งเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซัดฟรีคิกระยะ25หลา บอลส่ายมุดเสียบคาน บอลตุงตาข่ายไปอย่างสุดสวย เชลซี นำห่างผลบอล 2-0
ครึ่งหลัง
นาทีที่ 55 แม้ เชลซี เกมบุกดูจะผ่อนลง แต่ก็ยังมีโอกาสได้ยิง จากการซัดไกลนอกกรอบของ เควิน เดอบรุน แต่บอลก็ยังโด่งข้ามคานไปอีกครั้ง
นาทีที่73 ฮัลล์ มีลุ้นบ้างเมื่อ อาห์เหม็ด เอลโมอามาดี้ วางบอลไปหน้าประตูให้ เคอร์ติส เดวิส ก่อนจะเข้ามาโหม่งบอลตรงกรอบ แต่ ปีเตอร์ เช็ก รับเข้ามือไว้ได้ เชลซี 2 - 0 ฮัลล์ ซิตี้
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มเติมไม่ได้ หมดเวลา เชลซี เอาชนะ ฮัลล์ ซิตี้ ไป 2 - 0 เก็บ 3 แต้มในนัดแรกได้สำเร็จ

11นักเตะของทั้งสองทีม
เชลซี (4-2-3-1)
ปีเตอร์ เช็ก;บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่,แอชลี่ย์ โคล;รามิเรส, แฟร้งค์ แลมพาร์ด;เควิน เดอบรุน,ออสการ์, เอแดน อาซาร์;เฟร์นันโด ตอร์เรส
สำรอง:มาร์ค ชวาร์เซอร์,ไมเคิ่ล เอสเซียง,ฆวน มาต้า,อันเดร ชูร์เล่,มาร์โก ฟาน กิงเกล,โรเมลู ลูกากู,เดมบา บา
ฮัลล์ (4-4-2)
อัลลัน แม็คเกรเกอร์;อาห์เหม็ด เอลโมอามาดี้, เจมส์ เชสเตอร์, เคอร์ติส เดวิส, มายนอร์ ฟิเกรัว;โรเบิร์ต โคเรน, เดวิด เมย์เลอร์, ร็อบบี้ เบรดี้,โซเน่ อาลูโก้; แดนนี่ เกรแฮม, ยานนิค ซักโบ
สำรอง:สตีฟ ฮาร์เปอร์,เลียม โรเซเนียร์,อเล็กซ์ บรูซ,ทอม ฮัดเดิลสตัน,เจค ลิเวอร์มอร์,พอล แม็คเชน,จอร์จ บอยด์

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บาร์ซ่าแห้ว! หงส์ปัด17ล้านปอนด์ซิวแอ็กเกอร์

บาร์ซ่าแห้ว!หงส์ปัด17ล้านปอนด์ซิวแอ็กเกอร์ 
บาร์ซ่าแห้ว!หงส์ปัด17ล้านปอนด์ซิวแอ็กเกอร์
ฟุตบอล : "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ปัดข้อเสนอจำนวน 17 ล้านปอนด์ที่"เจ้าบุญทุ่ม"บาร์เซโลน่า ยื่นซื้อ ดาเนียล แอ็กเกอร์ ไปร่วมทีม
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา สื่อในประเทศอังกฤษ รายงานข่าวว่า"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ใจเด็ดปฏิเสธข้อเสนอจำนวน 17 ล้านปอนด์ของ"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ที่ยื่นซื้อ ดาเนียล แอ็กเกอร์ ปราการหลังชาวเดนมาร์คไปร่วมทีม
ฤดูกาลที่ผ่านมา ยอดทีมแห่งแค้วนคาตาลัน ประสบปัญหาในแนวรับเป็นอย่างมากจึงหวังดึงตัว ติอาโก้ ซิลวา และ ดาวิด หลุยซ์ มาเสริมแนวรับ แต่พลาดเป้าหมาย ตามรายงานเผยว่ายังมีรายชื่อกองหลังอยู่ในลิสต์อีกหลายคนที่จะซื้อตัวมาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น แมตต์ ฮุมเมลส์, แว็งซองต์ กอมปานี, โธมัส แฟร์มาเลน และ ยาน แฟร์ตองเก้น 

ผู้สนับสนุน “ผลการวิเคราะห์บอล” โดย : http://football.sanook.com
เรียบเรียงโดย : วิเคราะห์บอล ดอท เน็ต

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิเคราะห์บอล สวอนซี - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

วิเคราะห์บอล สวอนซี - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 
วิเคราะห์บอล สวอนซี - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วิเคราะห์บอล ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วัน: เสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556 เวลา:23.30 น.
สนาม: ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน: ฟิล ดาวด์
ถ่ายทอดสด: ช่อง 9, CTH Stadium1



ผลงานการพบกัน 5 นัดหลังสุด
12/5/13 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 สวอนซี
23/12/12 พรีเมียร์ลีก สวอนซี 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด
6/5/12 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 สวอนซี
19/11/11 พรีเมียร์ลีก สวอนซี 0-1 แมนฯ ยูไนเต็ด
7/5/83 ดิวิชั่น 1แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 สวอนซี
ความพร้อม-สภาพทีม
สวอนซี
โจนาธาน เดอ กุซมัน มิดฟิลด์ชาวดัตช์ ชวดบู๊นัดนี้เพราะศีรษะถูกกระแทกมาจากการไปร่วมทีมชาติเมื่อกลางสัปดาห์ นอกจากนั้นหงส์ขาวก็ถือว่าฟูลทีม โดยจอนโจ เชลวี่ย์ มิดฟิลด์ตัวใหม่ที่ย้ายมาจากลิเวอร์พูล คืนความฟิตกลับมาได้จากอาการป่วยแล้ว ส่วนปาโบล เอร์นานเดซ มิดฟิลด์ชาวสเปน ก็สลัดปัญหาการบาดเจ็บแล้วเช่นกัน ส่วนเกมรุกยังมี มิชู เป็นตัวทีเด็ด
ความพร้อม-สภาพทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด
เวย์น รูนี่ย์ต้องรอดูกันว่าเขาจะถูกใส่ชื่อไว้ในทีมด้วยหรือไม่หลังเพิ่งลงเตะให้ทีมชาติ ส่วนแอชลี่ย์ ยังกับนานี่ อาจจะไม่พร้อมเพราะมีปัญหาเรื่องความฟิต เช่นเดียวกับจอนนี่ อีแวนส์ ส่วน ไมเคิ่ล คาร์ริค น่าจะลงได้หลังหายดีจากปัญหาตาอักเสบ ส่วนฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ก็ฟิตดีแล้ว แต่ตำแหน่งหัวหอกตัวเป้าน่าจะยังเป็นของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่เช่นเดิม
นักเตะติดโทษแบน: ราฟาเอล
วิเคราะห์รูปเกม
สวอนซีถือเป็นทีมเกมรุกคุณภาพทีมหนึ่ง แต่วันนี้น่าจะลำบาก แม้นักเตะผีแดงอาจจะล้ามาบ้างจากการไปเล่นให้ทีมชาติกันหลายคน แต่ด้วยดีกรีแล้ว ในยามจำเป็นผีแดงน่าจะเค้นฟอร์มออกมาได้ และอาจจะทำได้ดีกว่าที่คิดด้วยการคว้าชัยกลับไป
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
สวอนซี (4-2-3-1): มิเชล ฟอร์ม; อังเคล รานเคล, ชิโก้ ฟลอเรส, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, นีล เทย์เลอร์; ลลีออน บริตตัน, จอนโจ เชลวี่ย์; เนธาน เทย์เลอร์, มิชู, เวย์น เราท์เลดจ์; วิลฟรีด โบนี่
ผู้จัดการทีม: ไมเคิ่ล เลาดรู้ป
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1): ดาวิด เด เกอา; ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, เนมานย่า วีดิช, ปาทริซ เอฟร่า; ไมเคิ่ล คาร์ริค, อันแดร์สัน; อันโตนิดอ วาเลนเซีย, ชินจิ คากาวะ, วิลฟรีด ซาฮา; โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
ผู้จัดการทีม: เดวิด มอยส์
ฮอตสกอร์: แมนฯ ยูไนเต็ดชนะ 2-1
เกร็ดนี่น่าสนใจ
(สวอนซี)
*มิชูทำประตูได้ในทั้ง 2 นัดที่พบกับผีแดงฤดูกาลก่อน
*มิชูทำประตูจากลูกโหม่งมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว (6)
(แมนฯ ยูไนเต็ด)
*ผีแดงชนะ 3 เสมอ 1 ใน 4 นัดที่พบกับหงส์ขาวในพรีเมียร์ลีก
*ผีแดงเสมอรวดในเกมพรีเมียร์ลีกนอกบ้าน 3 นัดหลังแม้จะยิงไป 8 ประตู

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11

ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11 
ปล่อย17เหลือให้สู้แค่11
ฟุตบอล : อย่าเพิ่งงงกับชื่อตอนของ "อารมณ์คมคาย" ในตอนนี้ ผมไม่ได้มาใบ้หวย เพราะมันเพิ่งออกไป เมื่อวันก่อน (16 ส.ค.) ผมไม่ได้พูดถึงหุ้นเพราะผมแทบไม่มีความรู้เรื่องแบบนี้อยู่ในหัวเลย 
แต่เลข "17" กับ "11"ในตอนนี้นั้นมันมีความหมายเกี่ยวกับทีมฟุตบอลสุดรักของผมอย่างอาร์เซน่อล หนึ่งในทีมบิ๊กโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างหาก
เนื่องจากนั่งไล่ดูบทความต่างประเทศเกี่ยวกับโลกลูกหนังไปเรื่อย แล้วไปเจอะสกู๊ปหนึ่งของ "Daily mail" สื่อชื่อดังของ อังกฤษ ซึ่งมีชื่อตอนที่ว่า "Arsenal have let 17 players go, brought in one (free) and start the season with 11 fit men... so what's going on, Arsene?" 
แปลเป็นไทยว่า "ปล่อยนักเตะออกจากทีมไป 17 คน ซื้อมาแค่ 1 (แบบฟรีๆ) เหลือนักเตะพร้อมลงเล่นในช่วงเปิดฤดูกาลแค่ 11 คน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาร์แซน (เวนเกอร์)??" แค่เห็นชื่อตอนก็จี้ใจดำเหลือหลาย ยิ่งพออ่านเนื้อความข้างในยิ่งข้องใจในตัวบรมกุนซือของทัพ "ปืนใหญ่" ยิ่งนัก
ชั่วโมงนี้ อาร์เซน่อล คือ 1 ใน 2 ทีมของพรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่เพิ่งจะคว้านักเตะได้แค่เพียงรายเดียว 
แถมรายเดียวที่ได้มาก็เป็นดาวรุ่ง ฝั่งทีมจากลอนดอนได้ ยาย่า ซาโนโก้ กองหน้าดาวรุ่งที่เพิ่งพาทีมชาติฝรั่งเศส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ยู 20 ได้ ส่วน แมนฯ ยูฯ ได้กองหลังดาวรุ่งชาวอุรุกวัยอย่าง กิเยล์โม่ บาเลร่ ที่ลงเล่นในทัวร์นาเมนท์เดียวกันมาร่วมทีม 
ส่วนที่เหลือ "แห้ว" เรียบ เพราะถ้าให้นับแบบล่าสุดจริงๆ อาร์เซน่อล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ เพิ่งอกหักกับการคว้าตัว หลุยส์ กุสตาโว่ กองกลางแซมบ้าของ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมลีก บุนเดสลีกา 
เยอรมันที่ตัดสินใจย้ายไปซบอก "หมาป่าเบียร์" โวล์ฟสบวร์ก เอสเฟา ทีมเพื่อนร่วมลีกที่ยอมจ่าย 17 ล้านยูโร (680 ล้านบาท) มากกว่าการต่อรองราคา ส่วน แมนฯยูฯ ภายใต้การนำของ เดวิด มอยส์ ก็ถูก เชส ฟาเบรกาส ห้องเครื่องของ บาร์เซโลน่า ปฏิเสธข้อเสนอทาบทามแบบไม่ใยดี โดยให้เหตุผลว่ายังต้องการค้าแข้งอยู่ในถิ่นคัมป์ นู ต่อไป
ไม่ขอเอื้อนเอ่ยถึงทัพ "ปีศาจแดง" แต่ขอจัดแรงๆ กับทีมรักอย่าง "เดอะ กันเนอร์ส" อาจเป็นเรื่องจริงที่ 17 นักเตะที่ถูกปล่อยตัวไม่ใช่แข้งสำคัญ ถึงขั้นไร้ประโยชน์ด้วยซ้ำ 
เพราะถ้าให้ไล่เรียงชื่อจริงๆ ทั้ง ชัค อเนเก้, อังเดร อาร์ชาวิน, มารูยาน ชามัคห์, ฟรานซิส โกเกแล็ง, เดนิลสัน, โยฮันน์ ฌูรู, เคร็ก อีสท์มอนด์, แชร์วินโญ่, วิโต้ มานโนเน่, เยอร์เนด เมียเด้, อิกนาซี่ มิเกล, อังเดร ซานโต๊ส, เซบาสเตียน สกิลลาชี่ และซานเชซ วัตต์ 
ต่างก็เป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ เวนเกอร์ ทั้งสิ้น แต่ในขณะที่ทีมคู่แข่งทั้งหลายต่างระดมเงินทุนมหาศาลเสริมทัพกันอุตลุต และเป็นข่าวครึกโครมมาตลอดช่วงที่ผ่านมา ผมอยากย้อนกลับไปถาม เวนเกอร์ เช่นกันว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเขามั่งเลยหรือ
ที่ต้องถามเช่นนี้ เพราะหากลองมองย้อนกลับไปไม่ต้องไกลมาก เอาแค่ฤดูกาลที่ผ่านมาก็พอ ฟอร์มการเล่นของทีม "นอร์ธ ลอนดอน" ก็กระท่อนกระท่อน ดีบ้างไม่ดีบ้าง 
ถึงขั้นต้องลุ้นคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลกันอยู่แล้ว ยังจะมามั่นใจกับทีมที่ตัวเองมีอยู่อะไรถึงเพียงนั้น ขรัวเฒ่าเลือดน้ำหอมให้สัมภาษณ์แบบอ่านแล้วต้องนั่งถอนหายใจว่า 
"ผมไม่เห็นด้วยที่ใครๆ บอกว่าเราอยู่ในช่วงเวลาที่หมดหวัง (เสริมนักเตะ) มีเวลาอีกตั้ง 18 วันกว่าตลาดซื้อ-ขายนักเตะจะปิดตัวลง และเราเองก็ยังมองถึงการเพิ่มศักยภาพของทีมเราอยู่ เรามองไปที่คุณภาพมากกว่าจำนวน และข้อเรียกร้องแรกคือต้องมีคุณภาพเหมาะสมที่จะเล่นกับ อาร์เซน่อล ได้ ใช่เรากำลังมองนักเตะราว 2-3 คน และถ้าเป็นไปได้ก็อาจมากกว่านั้น ผมเข้าใจในทุกความกังวล แต่อะไรจะสำคัญไปกว่าคุณภาพการเล่นในสนาม ดังนั้นอย่าสร้างวิกฤตทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย" 
และถ้าถามว่าทำไมต้องถอนหายใจ เพราะบทสัมภาษณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกปีในตลอด 8 ปีที่ "ปืนใหญ่" ไม่สามารถคว้าความสำเร็จใดๆ ได้เลย
อะไรคือ "ปริมาณ" อะไรคือ "คุณภาพ" บางครั้งมันอาจมีเส้นบางๆ มากั้นเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เหล่า "เดอะ กันเนอร์ส" อยากเห็นคือการเสริมนักเตะในตำแหน่งที่คิดว่ายังมีจุดบกพร่องทั้ง ผู้รักษาประตู, กองกลางตัวรับ, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ, แบ็กขวา และกองหน้า 
เท่าที่เกริ่นมานี่ก็เกือบจะครึ่งทีมเข้าไปแล้ว แถมที่มีอยู่ก็เหลือให้ใช้งานเพียงแค่ 11 รายเท่านั้น เพราะช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมาก็ต้องเสีย โธมัส แฟร์มาเล่น (3 สัปดาห์), และ มิเกล อาร์เตต้า (6 สัปดาห์) 
นั่นทำให้ไม่แปลกที่บรรดาสื่อแดนผู้ดีจะมองว่า อาร์เซน่อล ไม่มีทั้ง "ปริมาณ" รวมทั้ง "คุณภาพ" ในคราวเดียวกัน แม้ผมจะพอเข้าใจว่าบทเรียนของการซื้อนักเตะแบบลวกๆ ช่วงปี 2011 ของ อาร์เซน่อล นั้นไม่ค่อยน่าประทับใจนัก (ซื้อนักเตะถึง 12 รายแต่ใช้งานได้แค่ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ แค่คนเดียว) แต่ขึ้นชื่อว่า "จอมปั้นมือทอง" อย่าง เวนเกอร์ จะไม่มีนักเตะคนไหนที่ใกล้เคียงกับมาตรฐานของเขาเชียวเหรอ
บางครั้งผมก็ลังเลกับฉายา "นักปั้นมือทอง" ของ เวนเกอร์ เพราะที่ผ่านมานักเตะอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ยาย่า ตูเร่ หรือ แกเร็ธ เบล ต่างก็เคยมาแสดงฝีเท้าต่อหน้ากุนซือรายนี้มาแล้วทั้งนั้น 
แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่นักเตะของ อาร์เซน่อล ในที่สุด บางครั้งผมก็แอบคิดเอาเองว่าการที่ เวนเกอร์ เคยมีนักเตะอย่าง มาร์ค โอเวอร์สมาร์ส, ปาทริค วิเอร่า หรือ เธียรี่ อองรี และอีกหลายๆ สตาร์ชื่อดังในช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นแค่ "โชค" หรือ "บุญ" ของเขา 
และคนเรามันก็ย่อมมีวันบุญหมดเป็นเรื่องธรรมดา ตัวเขาเองเคยเปรยว่าผลงานของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้คือตัวชี้วัดอนาคตของตัวเองด้วย เนื่องจากเหลือสัญญาในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น และแม้ว่ายังจะไม่เปิดฤดูกาลก็ตาม แต่ก็พอคาดเดาได้ลางๆว่า ทัพ "ปืนใหญ่" อาจได้มีกุนซือคนใหม่คุมทีมในฤดูกาลหน้า หากยังไม่คิดจะเสริมใครในฤดูกาลนี้

เจ๊เหวงไม่หวั่นโดนปืนปลดกลางทาง

เจ๊เหวงไม่หวั่นโดนปืนปลดกลางทาง 
เจ๊เหวงไม่หวั่นโดนปืนปลดกลางทาง
ฟุตบอล : อาร์แซน เวนเกอร์ เผย ไม่หวั่นกระแสโดน ''ปืนใหญ่'' สั่งปลดกลางฤดูกาล หลังประเดิมพ่าย ลิลล่า 1-3 คารัง มั่นใจจะทำทีมให้ดีที่สุดได้ และการซื้อนักเตะเสริมทัพอาจไม่ช่วยแก้ปัญหา

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล พี่เบิ้มแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า ไม่หวั่นไหวกับกระแสข่าวเรื่องการโดนตะเพิดออกจากเก้าอี้ระหว่างฤดูกาล หลังประเดิมสนามไม่สวย พ่ายคาบ้านให้กับ แอสตัน วิลล่า 1-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา และมั่นใจว่า ความซื่อสัตย์ที่ปฏิบัติกับต้นสังกัดมาตลอดรวมถึงความพยายามที่จะทำทีมให้อยู่ในระดับสูงจะช่วยให้รอดพ้นวิกฤตไปได้ โดยการซื้อเพื่อเสริมทัพอาจไม่ใช่การแก้ปัญหา

กุนซือประจำถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ผู้ครองสถิติคุมทีมยาวนานเป็นอันดับ 2 ของแดนผู้ดีกล่าวว่า "เราอยู่ในโลกที่สื่อมีอิทธิพล และทุกคนมีความคิดเห็น ผมก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ตลอด 16 ปี ผมแสดงความซื่อสัตย์กับสโมสรมาตลอด ผมกังวลอยู่อย่างเดียวเรื่องการทำทีมให้ดี ตราบเท่าที่ผมอยู่ที่นี่ ผมอยากทำให้ดี ผมผิดหวัง (ที่แพ้) เพราะฤดูกาลที่แล้วใน 10 เกมสุดท้าย เราไม่แพ้ แต่กลับมาแพ้ในบ้านนัดแรก"

อย่างไรก็ตาม จอมแท็คติกชาวฝรั่งเศสยังเชื่อว่า การแก้ปัญหาด้วยการใช้เงินอาจไม่ใช่ทางออก "มันเสียหายมาก (ที่แพ้ วิลล่า) และการแก้ปัญหาไม่ใช่การนั่งลงคุยกันว่าเราจะซื้อเพื่อสร้างความสุข สิ่งสำคัญคือ เราต้องกลับมาเก็บชัยชนะด้วยนักเตะที่เรามีในสนามและทำอย่างที่เราทำในปีที่แล้วให้ต่อเนื่อง เรามีความทะเยอทะยาน มันเลยยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้"

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิเคราะห์บอล คอนเฟดฯ : บราซิล - ญี่ปุ่น

วิเคราะห์บอลคอนเฟดฯ : บราซิล - ญี่ปุ่น 
วิเคราะห์บอลคอนเฟดฯ : บราซิล - ญี่ปุ่น
วิเคราะห์บอล บราซิล - ญี่ปุ่น
เวลา: 02.00 น.
สนาม: เอสตาดิโอ นาซิอองนาล เดอ บราซิเลีย
ผู้ตัดสิน: เปโดร โปรเอนซ่า (โปรตุเกส)
ถ่ายทอดสด: ทีสปอร์ต






ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
บราซิล
9/6/13 ชนะ ฝรั่งเศส 3-0 (เหย้า) กระชับมิตร
2/6/513 เสมอ อังกฤษ 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร
24/4/13 เสมอ ชิลี 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร
6/4/5134 ชนะ โบลิเวีย 4-0 (เยือน) กระชับมิตร
25/3/13 เสมอ รัสเซีย 1-1 (กลาง) กระชับมิตร
ญี่ปุ่น
11/6/13 ชนะ อิรัก 1-0 (เยือน) ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
4/6/13 เสมอ ออสเตรเลีย 1-1 (เหย้า) ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
30/5/13 แพ้ บัลแกเรีย 0-2 (เหย้า) กระชับมิตร
26/3/13 แพ้ จอร์แดน 1-2 (เยือน) ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
22/3/13 ชนะ แคนาดา 2-1 (กลาง) กระชับมิตร
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
16/10/12 กระชับมิตร ญี่ปุ่น 0-4 บราซิล
22/6/06 ฟุตบอลโลก ญี่ปุ่น 1-4 บราซิล
22/6/05 คอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ ญี่ปุ่น 2-2 บราซิล
4/6/01 คอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ บราซิล 0-0 ญี่ปุ่น
31/3/99 กระชับมิตร ญี่ปุ่น 0-2 บราซิล
ความพร้อม-สภาพทีม
บราซิล
เปาลินโญ่ มิดฟิลด์ห้องเครื่อง เจ็บข้อเท้าในระหว่างการซ้อมเมื่อวันพฤหัสฯ จนต้องยุติกลางคัน แต่บิ๊กฟิลยืนยันว่าอาการของเขาไม่ได้รุนแรงอะไร และยังน่าจะฟิตทันลงช่วยทีมในเกมนัดเปิดสนามได้ โดยจะลงเล่นตรงกลางสนามคู่กับ หลุยซ์ กุสตาโว
ออสการ์ มิดฟิลด์ตัวเก่งจากบราซิล คงจะถูกส่งลงไปเป็นตัวปั้นเกมทางฝั่งขวาอีกครั้ง แม้จะถูกใช้งานอย่างทะนุถนอมเป็นพิเศษในโปรแกรมอุ่นเครื่อง เนื่องจากลงเตะไปถึง 70 นัดในฤดูกาลล่าสุด
ส่วนเฟรด หัวหอกตัวหลัก มีปัญหาซี่โครงเดาะมาจากเกมนัดสุดท้ายในลีกบราซิล แต่สภาพร่างกายก็น่าจะสมบูรณ์ดีแล้ว หลังลงเตะในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดได้แบบเต็มเกม และคงจะถูกส่งลงมายืนค้ำเป็นหน้าเป้าเหมือนเดิมในเกมนี้
เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ประจำทีมชุดนี้ แม้จะเท้าบอดมาตลอด 9 นัด หลังทั้งกับสโมสรและทีมชาติ แต่ก็จะยังเป็นตัวหลักให้ทีมอยู่ โดยจะยืนเป็นหน้าต่ำอยู่แถวสอง โดยมี ฮัลค์ กองหน้าร่างใหญ่อีกคน เป็นตัวขึ้นเกมรุกฝั่งซ้าย
ในแนวรับมาร์เซโล่ต้องลุ้นเบียดแย่งตำแหน่งแบ็กซ้ายกับฟิลิเป้ หลุยส์ แต่ดานี่ อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา และ ดาวิด หลุยซ์ จะยังเป็นสามตัวหลักในแผงหลัง โดย ชูลิโอ เซซาร์ นายประตูตัวเก๋า คงจะรักษาตำแหน่งมือหนึ่งเอาไว้ได้ต่อไป
ผู้เล่นบาดเจ็บ: เปาลินโญ่
ผู้เล่นโดนแบน: -
ความพร้อม-สภาพทีม
ญี่ปุ่น
ขุนพลซามูไรต้องรอลุ้นความฟิตของเคสุเกะ ฮอนดะ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง ซึ่งมีปัญหาเจ็บต้นขารบกวนมาระยะหนึ่งแล้ว และอาการก็กำเริบขึ้นมาอีก ทำให้ยังไม่แน่ว่าจะพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดนี้หรือไม่
ถ้าไม่พร้อมก็คงเป็น ชินจิ คางาวะ ดาวเตะจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะถูกขยับจากตัวขึ้นเกมรุกฝั่งซ้าย มาเป็นตัวปั้นเกมตรงกลาง โดยที่ ฮิโรชิ คิโยตาเกะ น่าจะถูกส่งลงมาทำเกมริมเส้นแทน

ส่วน ชินจิ โอกาซากิ ดาวยิงประจำทีม จะรับบทตัวขึ้นเกมรุกฝั่งขวาเช่นเดิม โดยให้ เรียวอิจิ มาเอดะ กอหน้าตัวเก๋า ลงยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
มาโกโตะ ฮาเซเบะ มิดฟิลด์กัปตันทีม จะกลับมาเป็นตัวตัดเกมแดนกลางในนัดนี้ หลังติดโทษแบนไปในเกมบอลโลกนัดล่าสุด โดยจะจับคู่กับยาสึฮิโตะ เอ็นโดะ มิดฟิลด์ตัวเก๋า ปักหลักตรงกลางสนาม
ขณะที่แผงแบ็กโฟร์ชุดใหญ่ทั้งอาสึโตะ อูจิดะ, มายะ โยชิดะ, ยาสึยูกิ คอนโนะ และยูโตะ นากาโตโมะ จะลงสนามได้อย่างพร้อมหน้า โดยมีเอจิ คาวาชิมะ รับหน้าที่เฝ้าเสา
ผู้เล่นบาดเจ็บ: เคสุเกะ ฮอนดะ
ผู้เล่นโดนแบน: -
บราซิลต้องจั่วให้สวยในนัดแรก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความพร้อมของทีมเต็งและเจ้าภาพบอลโลกที่จะระเบิดศึกในปีหน้าแล้ว หลังจากไม่มีคิวเตะแมตช์แข่งขันจริงเลยในช่วงสองปีมานี้ ส่วนผลงานในศึกโคปา อเมริกาก็ถือว่าออกมาน่าผิดหวัง รวมถึงอกหักในโอลิมปิกด้วย ส่วนญี่ปุ่นกำลังคึกมาจากการเป็นทีมแรกที่ได้ตั๋วไปแข่งบอลโลกรอบสุดท้ายผ่านรอบคัดเลือก แต่สภาพทีมซามูไรดูจะกรอบกว่า แถมยังเป็นรองเจ้าบ้านแซมบ้าทุกประตู เกมนี้เจ้าภาพคงต้องจัดหนักเพื่อเอาใจแฟนๆ แม้นักเตะเลือดบูชิโดจะเค้นพลังสู้ แต่ก็ไม่น่าจะต้านไหว และคงจะโดนอัดไปพอท้วมๆ
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
บราซิล (4-2-3-1):12. ชูลิโอ เซซาร์; 2. ดานี่ อัลเวส 3. ติอาโก้ ซิลวา 4.ดาวิด หลุยซ์ 6. มาร์เซโล่; 17. หลุยซ์ กุสตาโว 18. เปาลินโญ่; 11. ออสการ์, 10. เนย์มาร์ 19. ฮัลค์; 9. เฟรด
โค้ช: หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่
ญี่ปุ่น (4-2-3-1): 1. เอจิ คาวาชิมะ; 6. อาสึโตะ อูจิดะ 22. มายะ โยชิดะ 15. ยาสึยูกิ คอนโนะ 5. ยูโตะ นากาโตโมะ; 17. มาโกโตะ ฮาเซเบะ 7. ยาสึฮิโระ เอ็นโดะ; 9. ชินจิ โอกาซากิ 4. เคสุเกะ ฮอนดะ 10. ชินจิ คางาวะ; 18. เรียวอิจิ มาเอดะ
โค้ช: อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่
ฮอตสกอร์ผลบอล: บราซิลชนะ 2-0
เกร็ดย่อย
* บราซิลลงเตะคอนเฟเดอเรชั่นส์คัพเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ส่วนญี่ปุ่นลงเตะเป็นครั้งที่ 4
* บราซิลชนะ 7 เสมอ 2 ในการพบกับญี่ปุ่น 9 ครั้ง โดยทำได้ 24 ประตู และเสียแค่ 4
* ทั้งคู่พบกันมาแล้ว 2 ครั้ง ในรายการนี้ โดยเสมอ 0-0 ในปี 2001 และเสมอ 2-2 ในปี 2005
* บราซิลชนะญี่ปุ่น 4-0 ในครั้งล่าสุดที่พบกันในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเนย์เมาร์ (2) และเปาลินโญ่ (1) ทำประตูได้ ส่วนอีกลูกมาจากกาก้า ซึ่งไม่อยู่ในทีมชุดนี้
* บราซิลเป็นทีมที่คว้าแชมป์รายการนี้สูงสุด 3 สมัย (1997, 2005, 2009) และถ้าคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้ ก็จะกลายเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติด
* ชูลิโอ เซซาร์ และ ดานี่ อัลเวส เป็นเพียงสองนักเตะบราซิลที่หลงเหลือมาจากทีมชุดแชมป์เมื่อปี 2009
* ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ของญี่ปุ่นคือตำแหน่งรองแชมป์ในปี 2001 ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้
* เฟรด ทำ 5 ประตู ในการลงเตะให้บราซิล 6 นัดหลัง ขณะที่ ชินจิ โอกาซากิ ก็ทำ 5 ประตู ในการลงเตะให้ญี่ปุ่น 6 นัดหลังเช่นกัน